1. อาการเจ็บป่วยอะไรบ้างที่มีสาเหตุจากการมีสารพิษในร่างกาย?

ทั่วๆไปจะเป็นอาการเจ็บป่วยที่น่ารำคาญ เช่น ท้องผูก มีแก๊ส ผายลมมีกลิ่นแรง มีกลิ่นตัว ร้อนใน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ภูมิแพ้ นอนไม่หลับ เครียด ผิวพรรณไม่สดใส เหนื่อยง่าย และอาจพัฒนาไปสู่โรคร้ายแรงได้ เช่น โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และ มะเร็ง เพราะหากร่างกาย มีสารพิษหมุนเวียนอยู่ในปริมาณมาก อวัยวะอื่นๆก็จะลดประสิทธิภาพลงซึ่งส่งผลให้เกิดโรคดังกล่าว

2. โดยทั่วไปแล้วจำเป็นหรือไม่ที่ต้องทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ?

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน รวมถึงความรู้และความเชื่อ เพราะวิธีการดังกล่าวถือเป็นแพทย์ทางเลือกเพื่อป้องกันการเกิดโรคแต่เนื่อง จากสภาพสังคม สิ่งแวดล้อมคุณภาพชีวิตในปัจจุบันล้วนส่งผลก่อให้เกิดการสะสมของเสีย สารพิษในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอาการต่างๆที่ไม่สามารถรักษา ให้หายขาดได้วิธีการสวนล้างลำไส้จึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยบรรเทาอาการลดการ สะสมของเสียและสารพิษตลอดจนลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

3. Colonic , Colon hydrotherapy , Colon irrigation, สวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษต่างกันอย่างไร?

ทุกวิธี คือการสวนล้างลำไส้ หรือ การบำบัดลำไส้ด้วยน้ำ เหมือนกัน

4. ในกรณีที่ต้องการให้อาการท้องผูกดีขึ้น หรือหายขาด ต้องทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษกี่ครั้ง?

จุดประสงค์หลักของการทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ หรือ colonic เพื่อ ลดสารพิษสะสมในร่างกาย ช่วยลดและบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่รบกวนซึ่งผู้รับการบำบัดที่มีปัญหาท้องผูก จะได้รับผลพลอยได้จากการบำบัดเนื่องจากลำไส้ได้มีการขับเคลื่อนตัวอย่างต่อ เนื่องถือเป็นการทำinternal exercise และเป็นการลด ของเสียสะสมในลำไส้ ทำให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้นทั้งนี้จำนวนครั้งในการบำบัดขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมและสภาพร่างกายที่แตกต่างกันของแต่ละคนทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ การพักผ่อน และการออกกำลังกายและการใช้ชีวิตที่เร่งรีบจนละเลยการเข้าห้องน้ำไม่สามารถ ระบุเป็นจำนวนครั้งตายตัวได้

5. ถ้าไม่ทำ สวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษสามารถใช้วิธีอื่นทดแทนได้หรือไม่?

แต่ละวิธีการที่แตกต่างกันย่อมได้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าวิธีใดสามารถทดแทนกันได้

6. ปกติทำดีทอกซ์กาแฟเองที่บ้าน 2 ถึง 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ต่อเนื่องมาหลายปีแล้วขอทำสวนกาแฟที่ไฮโดรเฮลท์เลยได้หรือไม่?

การสวนเองที่บ้านจะทำความสะอาดได้แค่ส่วนปลายของลำไส้ แต่มีส่วนช่วยทำให้ของเสียที่อยู่ลึกๆนุ่มลงหากทำการสวนล้างลำไส้จะช่วยขับ ของเสียออกได้มากกว่าคนอื่นๆแต่จะยังไม่สามารถใส่กาแฟให้ได้ในครั้งแรกเพราะ ต้องวัดผลก่อนโดยทั่วไปสามารถเริ่มใส่กาแฟได้เร็วกว่าเช่นสามารถเริ่มได้ ตั้งแต่ครั้งที่ 3หรือครั้งที่ 4 จากปกติที่ต้องเป็นครั้งที่ 5 หรือ 6

7. การใช้ยาระบายต่อเนื่องเป็นเวลานานมีผลเสียอย่างไร?

ทำให้การบีบตัวของลำไส้ผิดปกติ ส่งผลให้การดูดซึมในลำไส้ผิดปกติทำให้ผิว ขาดน้ำ ผิวแห้ง มีการสะสมของยาในร่างกาย โดยเฉพาะที่บริเวณตับซึ่งทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. การสวนล้างลำไส้ close system กับ open system ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน?
มีจุดประสงค์ไม่ต่างกันคือ ต้องการสวนล้างสิ่งสกปรกและสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ใหญ่แต่ต่างกันที่ขั้นตอน และวิธีในการทำซึ่งการสวนแบบOpen System จะมีข้อดี คือผู้ทำต้องเบ่งถ่ายเองทำให้มีการออกกำลังกายลำไส้ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้ แข็งแรงขึ้นส่วนClose Systemอาจจะเหมาะกับผู้ที่ลำ ไส้ผิดปกติไม่สามารถเบ่งถ่ายได้เองมากกว่า
9. น้ำที่ไหลเข้าไปจะล้นเข้าไปในลำไส้เล็กหรือไม่?

น้ำจะไหลอยู่เฉพาะในลำไส้ใหญ่เพราะแต่ละส่วนของร่างกาย จะมีวาล์วปิดไม่ให้ไหลย้อนกลับอยู่แล้วน้ำจึงไม่สามารถไหลข้ามไปสู้ลำไส้เล็กได้

10. Mucus เกิดจากอะไร แล้วล้างออกไปจะดีหรือไม่ดีอย่างไร?
คือของเสียที่เกิดจากการรับประทานอาหารในกลุ่ม แป้งขัดสี เนื้อแดง ไข่และผลิตภัณฑ์จากนมเช่น เนย นม ชีส โยเกิร์ต ซึ่งมีลักษณะขุ่นขาวและเหนี่ยวกำจัดได้ยาก เสมือนกาวที่เกาะเคลือบในลำไส้หากมีมากก็จะยิ่งทำให้ของเสียมีการสะสมหนา ชั้นขึ้นเรื่อยๆและแห้งแข็งส่งผลต่อระบบการทำงานของลำไส้ใหญ่ อาจทำให้ท้องผูก ท้องอืดเฟ้อหรือมีอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆการล้างMucusออกจากลำไส้ใหญ่จึงช่วยทำให้ระบบขับถ่ายกลับมาทำงานได้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น
11. อาการปวดท้องเกร็งระหว่างทำ สวนล้างลำไส้ใหญ่เป็นเพราะอะไร?
อาการดังกล่าวจะพบในผู้ที่มีปัญหาท้องผูกซึ่งมักจะมีของ เสียสะสมมากกว่าปกติอาจมีความหนาแน่นและแห้งแข็งติดอยู่ภายใน มีพฤติกรรมการทานเนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรตและนมเนยชีส มาก แต่ทานน้ำน้อย และผู้ที่ใช้ยาระบายเป็นประจำหรือต่อ เนื่องเป็นเวลานาน เพราะระหว่างการ บำบัดลำไส้จะพยายามขยายตัวและบีบของเสียให้ออกมาแต่เพราะของเสียที่มีปริมาณ มากและแห้งแข็งจึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดมากกว่าปกติ
12. ทำสวนล้างลำไส้ใหญ่แล้วไม่มีอะไรออกมา แค่มีเศษๆปนมากับน้ำนิดหน่อย แปลว่าข้างในสะอาดใช่หรือไม่?
ในผู้ที่ระบบขับถ่ายปกติเมื่อทำการสวนล้างลำไส้ก็จะมี ของเสียออกมาในปริมาณมากพอสมควรตั้งแต่ครั้งแรกแต่ในกรณีที่ไม่ค่อยมีอะไร ออกมาในการสวนล้างครั้งแรกๆบอกได้เลยว่าของเสียในลำไส้จับตัวกันหนาแน่น แห้งและแข็งมากส่วนใหญ่น้ำที่เข้าไปไม่สามารถทำละลายให้หลุดออกมาได้ หากสามารถทำต่อเนื่องประมาณครั้งที่ 3 จะเห็นว่า ของเสียที่ผ่านน้ำมาแล้วและนุ่มขึ้นจะถูกขับออกมาในปริมาณมากเกินกว่าที่คิด ไว้ด้วยซ้ำ
13. Fasting คืออะไร ทำยังไง?
คือการพักระบบย่อยอาหารด้วยการจำกัดประเภทอาหารที่รับ เข้าสู่ร่างกายเมื่อร่างกายใช้เวลาในการย่อยน้อยลง ร่างกายจะมีเวลาในการสำรวจ ซ่อมแซมและขจัดของเสีย สารพิษตามส่วนต่างๆของร่างกายได้มากขึ้นช่วยให้ร่างกายลดการสะสมสารพิษอีก วิธีหนึ่งเช่นกันแต่ไม่แนะนำให้ทำควบคู่กับการทำการสวนล้างลำไส้ แต่แนะนำให้แยกทำโดยทำการสวนล้างลำไส้ให้ เรียบร้อยก่อน แล้วจึงทำการ Fasting ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
14. หากกากอาหารที่เน่าเสียไม่ถูกขับออกจากร่างกายตามเวลาปกติจะเกิดอะไรขึ้น?
หากมีกากอาหารค้างในลำไส้นานเกินกว่าที่ควร จะเริ่มเน่าเสีย สร้างสารพิษและดูดซึมกลับเข้ากระแสเลือดเพื่อส่งไปตามอวัยวะส่วนอื่นๆและ เซลล์ทั่วร่างกายก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ ปวดศีรษะ ท้องอืด ร้อนใน เครียดนอนไม่หลับ พลังงานลดลง ไม่สดใส มีกลิ่น และอาจลุกลามสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ และในลำไส้เองจะ มีแก๊สที่เกิดจากการหมักเน่าของกากอาหาร ทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ลดลงในขณะที่แบคทีเรียตัวร้ายเพิ่ม ปริมาณมากขึ้นเพราะสิ่งแวดล้อมในลำไส้เสียความสมดุลย์ ประสิทธิภาพการขับถ่ายลดลง
15. ระบบขับถ่ายดีมากประมาณวันละ 2 ถึง 3 ครั้งจำเป็นต้องสวนล้างลำไส้อีกหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่หากพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน มีการรับเอาสารปนเปื้อน สารเคมีเข้าร่างกายตลอดเวลารวมถึงอาหารที่รับประทานก็ไม่ได้มาจากธรรมชาติ 100 % เหมือนสมัยก่อน ตลอดจนการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่เร่งรีบ พักผ่อนน้อยขาดการออกกำลังกาย ทานอาหารไม่เป็นเวลา ดื่มน้ำไม่พอ นอนไม่เป็นเวลาการสวนล้างลำไส้จึงเป็นทางเลือกในการช่วยให้ร่างกายสะอาดแข็ง แรง คืนสุขภาพที่ดี
16. ถ้าจบโปรแกรมสวนล้างลำไส้ใหญ่แล้วไม่ทำต่อเนื่องจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ควรกลับมาทำใหม่?
เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายเริ่มสะสมสารพิษในระดับที่สูง ขึ้นจะเริ่มแสดงอาการที่ทำให้รู้สึกไม่สบาย เช่น อาการปวดต่างๆ เครียด นอนไม่หลับไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สดชื่น มีกลิ่น ร้อนใน ฯลฯซึ่งจะรู้สึกได้เองว่าได้เวลาทำความสะอาดร่างกายแล้ว ส่วนจะเร็วหรือช้าแค่ไหนขึ้นอยู่กับการใช้ ชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคน
17. การทำ colonic แล้ว จะผอมลง หรือ อ้วนขึ้น?
การทำ colonic มีจุดประสงค์หลัก เพื่อทำความสะอาดลำไส้ ลดอาการเจ็บป่วยช่วยให้สุขภาพดี ไม่เกี่ยวข้องกับการลดหรือเพิ่มน้ำหนักแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับ ประทานอาหารของแต่ละคนซึ่งในกรณีที่ระมัดระวังการทานอาหารมากขึ้นอาจสามารถ ลดน้ำหนักตัวลงได้นอกเหนือไปจากการสวนล้างลำไส้ที่สามารถขับของเสียที่มี น้ำหนักเฉลี่ย 5-7 ปอนด์ออกไปจากร่างกาย
18. ทำ Home kits ต่างจากการทำ colonic อย่างไร ใช้แทนกันได้หรือไม่?

ความแตกต่างคือ home kits เป็นการสวนเฉพาะส่วนปลายซึ่งมีข้อจำกัดหลายเรื่องคือ ปริมาณน้ำที่ใช้ต่อครั้งประมาณ 1.5 ลิตร (ต้องกลั้นน้ำเพื่อให้ของเสียละลายมากับน้ำให้มากที่สุด )คุณภาพของน้ำและความสะอาดของถุงที่ใช้บรรจุ ความไม่สะดวกในการทำ และหากเป็นการ สวนด้วยกาแฟประโยชน์ที่ได้ก็จะมีความแตกต่างกันเนื่องจากการสวนกาแฟมุ่งเน้น ไปที่การดีทอกซ์ตับมากกว่าลำไส้ใหญ่ ส่วน colonic เป็นการสวนล้างลำไส้ส่วนบนสามารถล้างทำความสะอาด

และกำจัดของเสียสะสมได้ตลอดความยาวของลำไส้ซึ่งมีความยาว 1.5 ถึง 2 เมตร ในการสวนล้างจะใช้เวลาครั้งละประมาณ 45 นาทีและไม่ จำกัดปริมาณการใช้น้ำต่อครั้ง รวมถึงระบบที่ใช้ open system คือสามารถเบ่งถ่ายของเสียได้ตลอดเวลาที่รู้สึกปวดจึงสามารถขับของ เสียได้มากกว่าทั้งยังเป็นการฝึกการทำงานของลำไส้ ปลอดภัยกับคุณภาพของน้ำและอุปกรณ์ที่ใช้ สะดวกสบายกับขั้นตอนการบำบัดรวมถึงประโยชน์ที่ได้จากการบำบัดซึ่งมุ่งเน้น ที่การดีทอกซ์ลำไส้ใหญ่

19. จำกัดอายุของผู้เข้ารับบริการ เท่าไหร่?
ตามปกติไม่ได้มีการจำกัดอายุผู้เข้ารับการบำบัด แต่โดยทั่วไป : แนะนำว่าผู้เข้ารับบริการหากมีอายุต่ำกว่า 17 ปี หรือสูงเกินกว่า 60 ปีต้องให้แพทย์ ประจำศูนย์พิจารณาเป็นรายๆไปซึ่งที่ผ่านมาสถิติอายุผู้เข้ารับบริการในเมือง ไทยที่น้อยที่สุด อยู่ที่ 12-13 ปีและสูงสุด ที่ 83 ปี แต่ที่ฮ่องกง ต่ำสุด 6 ปี และ สูงสุด 93 ปี
20. เหตุใดจึงไม่เติมน้ำเกลือลงไปในน้ำ?

เหตุผลที่ใช้น้ำบริสุทธิ์เนื่องจากสามารถทำละลายของเสียได้เป็นอย่างดีโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสามารถจับสารพิษ สารเคมี โลหะที่สะสมและตกค้างในร่างกายได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยาระบาย หรือสารเคมีกระตุ้น

21. การสวนลำไส้ใหญ่จะทำให้ระบบของร่างกายรวนหรือไม่?

การสวนล้างลำไว้ที่นี่เป็นวิธีการที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ที่สุดแตกต่างตรงที่สามารถขับของเสียออกได้ง่ายกว่า ปริมาณมากกว่าและเป็นการคืนสมรรถภาพการทำงานของลำไส้ใหญ่ โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยาระบายหรือสารเคมีกระตุ้น

22. การสวนล้างลำไส้ใหญ่ อินฟราเรดซาวน่าและนวดดีทอกซ์ ควรทำอะไร ก่อน หลัง?
สามารถเลือกทำอะไรก่อน หลังก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบแต่หากเน้นในเรื่องผลที่ดีที่สุดแนะนำให้ ทำซาวน่าเป็นลำดับแรกต่อด้วยการนวด และจบด้วยการสวนล้างลำไส้ หรืออาจเริ่มต้นด้วยการสวนล้างลำไส้ต่อด้วยซาวน่า และปิดท้ายด้วยการนวด ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้า
23. ข้อจำกัดของผู้ที่จะทำการสวนล้างลำไส้?

ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพดังนี้ มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ไตวายโรคทางสมอง มีประวัติการผ่าตัดบริเวณช่องท้องไม่ถึง 6 เดือน ริดสีดวงอักเสบมีเลือดออกทางทวาร ตัดต่อลำไส้

24. หากตั้งครรภ์ สามารถทำทรีทเมนท์อะไรได้บ้าง?

โดยปกติสามารถทำ colonic ได้ใน กรณีที่อายุครรภ์เกิน3 เดือนแต่ไม่เกิน 7 เดือนแต่แนะนำให้ขออนุญาตจากแพทย์ที่ฝากครรภ์ก่อนสำหรับการทำ ซาวน่าไม่มีรายงานว่ามีอันตรายต่อเด็กในครรภ์แต่อย่างใดแต่โดยทั่วไปทางเซ็น เตอร์ไม่แนะนำให้ทำทรีทเมนท์ใดๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์

25. ต้องจำกัดการรับประทานอาหารระหว่างการเข้าโปรแกรมอย่างไรบ้าง?

ไม่จำเป็น แต่หากต้องการเน้นให้เกิดประโยชน์มากขึ้น แนะนำให้เพิ่มปริมาณผักผลไม้ และ น้ำดื่มให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารย่อยยากและแอลกอฮอล์

26. มีสถาบันให้การรับรองหรือไม่ ?

ไฮโดรเฮลท์ได้รับการรับรองจาก IACT (International Association of Colon Hydrotherapy) USA และ USA FDA (Food and Drug Association)

27. ต้องทำ colonic ไปตลอดชีวิตหรือไม่?

ไม่ต้องแล้วแต่ความต้องการและพฤติกรรมการใช้ชีวิต

28. ต้องทำ fasting ร่วมด้วยหรือไม่?

แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หากร่างกายแข็งแรงดีสามารถทำได้แต่อาจจะเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แต่สำหรับผู้ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรงไม่แนะนำให้ทำเพราะการfastingทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำและร่างกายอ่อนเพลียอยู่แล้วหากทำcolonicอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากจนเกินไป

29. สามารถทำทุกวันเพื่อให้ได้ผลรวดเร็วได้หรือไม่?

ไม่แนะนำเพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากไป

30. ถ้าไม่ทำ colonic เลยจะเป็นอะไรหรือไม่ หรือมาทำนาน ๆ ครั้งได้ไหม?

ไม่เป็นไร แต่หากมีโอกาส ควรทำบ้างจะเป็นการช่วยคืนความสะอาดให้ร่างกายลดโอกาสในการเกิดโรค แต่หากปล่อยจนสายเกินไป แม้ต้องการทำ ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว

31. ถ้าอาหารเป็นพิษ หรือท้องเสียอยู่ทำได้หรือไม่?

ได้ หากอาการไม่รุนแรงมากเพราะเป็นการช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ไม่ดีซึ่งเป็นสาเหตุ ของการท้องเสียและเป็นการชดเชยการขาดน้ำจากอาการดังกล่าว

32. หากมีประจำเดือนอยู่สามารถทำทรีตเมนต์อะไรได้บ้าง?

สามารถทำการสวนล้างลำไส้ได้ตามปกติ แต่ไม่แนะนำให้ทำซาวน่าและนวด

33. ทำไมระบบขับถ่ายของผู้ชายถึงมีประสิทธิภาพดีกว่า และมีมวลอุจจาระมากกว่า?

เนื่องจากโดยธรรมชาติ สรีระของผู้ชายมีความแข็งแรงกว่าผู้หญิงอยู่แล้วเพระฉะนั้นระบบต่างๆ รวมถึงระบบขับถ่ายจึงดีกว่า มีแรงเบ่งมากกว่ารวมถึงพฤติกรรมการทานที่มีวินัยกว่าผู้หญิง

34. อาหารใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง แต่ละ station ใช้เวลาเท่าไหร่?

โดยเฉลี่ยอาหารใช้เวลาในกระบวนการย่อยตั้งแต่ปากจนถูกขับ ออกจากร่างกายประมาณ 24 ชั่วโมงโดยพักย่อยในกระเพาะ ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังจากนั้นจะเคลื่อนสู่ลำไส้ เล็กเพื่อทำการย่อยและดูดซึมสารอาหารอีกประมาณ 4 ชั่วโมง จึงส่งต่อไปสำไส้ใหญ่เพื่อบีบออกจากร่างกายซึ่งใช้เวลาอีกประมาณ 15-18 ชั่วโมง ทั้งนี้อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และพฤติกรรมการรับประทานอาหาร น้ำการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการตกค้างของกากอาหารในลำไส้สาเหตุของปัญหาต่างๆ

35. ถ้าทำครบโปรแกรมแล้วระบบขับถ่ายจะดีขึ้นหรือไม่?

ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าที่เคยมีปัญหาระบบขับถ่ายมีอาการดี ขึ้นประมาณ90%หลังเข้ารับบริการซึ่งบางท่านมีอาการ ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายๆอย่างเช่น การดื่มน้ำ การรับประทานผักผลไม้ การพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ กิจกรรมประจำวันฯลฯ

36. ระยะเวลาในการทำต่อครั้ง ขอเพิ่มเป็น 60 นาทีได้หรือไม่?

เวลาในการสวนล้างลำไส้ต่อครั้งประมาณ 45 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้กลับมาทำซ้ำ หรือทำให้บ่อยครั้งหากต้องการให้ได้ผลดี

37. ถ่ายทุกวันแล้วทำไมยังเป็นริดสีดวงทวารหนัก?

มีหลายปัจจัย ทั้งจากการเบ่งถ่ายแรง ประเภทอาหารที่รับประทาน ปริมาณน้ำดื่มสภาพร่างกายที่แตกต่าง ความแข็งแรงของเส้นเลือดบริเวณทวารอย่างไรก็ตามการสวนล้างลำไส้จะช่วยบรรเทา อาการริดสีดวงได้

38. เป็นมะเร็งลำไส้สามารถทำได้หรือเปล่า?

ไม่แนะนำ เนื่องจากบริเวณผนังลำไส้ที่เป็นมะเร็งจะเปราะบางกว่าส่วนปกติหากทำการสวน ล้างจะต้องมีการเบ่งถ่ายตลอดเวลาอาจส่งผลให้เกิดการฉีกขาดของลำไส้ได้

39. คนเป็นมะเร็งในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ สามารถทำได้หรือเปล่า?

เนื่องจากเซลล์มะเร็งสามารถแพร่กระจายไปส่วนต่างๆของร่าง กายได้ดังนั้นการจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประจำศูนย์ซึ่ง จะพิจารณาในส่วนของอวัยวะที่เป็น การรักษา และระดับของมะเร็ง

40. ถ้าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี สามารถทำ LIVER FLUSHได้หรือไม่ ทำแล้วจะหายหรือเปล่า?

ไม่สามารถการันตีได้ เพราะการ ทำ liver flush ซึ่งจริงๆคือการทำให้ถุงน้ำดี ปล่อยน้ำดีที่อาจมีการปนเปื้อนหรือเป็นตะกอนตกค้างให้หลุดออกมา ซึ่งหากเกิดเป็นก้อนแข็ง หรือนิ่วไม่แน่ว่าจะสามารถ หลุดออกมาได้หรือไม่

41. คนเป็นโรคไตสามารถทำได้หรือไม่ ?
เนื่องจากชนิดของโรคที่เกิดขึ้นกับไตมีหลายชนิดจึงต้อง ระบุให้แน่ชัดว่าเป็นอะไรหากเป็นกรณีไตวายจะไม่แนะนำให้ทำเพราะผู้ที่เป็น โรคไตวายต้องจำกัดปริมาณน้ำที่เข้า-ออกร่างกายอย่างเข้มงวดหากทำการสวนล้าง ลำไส้ซึ่งต้องมีการส่งน้ำเข้าร่างกายในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายไม่สามารถ กำจัดน้ำออกไปได้ทันอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่หากเป็นไตอักเสบธรรมดาให้รักษาจนหาย สนิทดีแล้วสามารถทำการสวนล้างได้ตามปกติ
42. จะสามารถวัดผลจากการทำทรีทเมนท์ได้อย่างไร?
ตามปกติลูกค้าสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิด ขึ้นได้เอง อาจเร็วหรือช้าแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งทางร่างกายที่สดชื่น แข็งแรง สุขภาพดีขึ้น และทางด้านจิตใจ การใช้ชีวิต การพิถีพิถันในการดูแลสุขภาพในเรื่องต่างๆมากขึ้น
43. เคยผ่าตัดลำไส้ แต่ผ่านมานานแล้ว สามารถทำได้หรือไม่ ?
ไม่แนะนำเนื่องจากการผ่าตัดจะเกิดรอยแผลเป็น หากทำการสวนล้างอาจทำให้เกิดการระคายส่วนที่เป็นแผลได้
44. หลังจากจบโปรแกรมแล้ว ควรกลับมาทำเป็น maintenance อย่างไร หากไม่กลับมา ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หรือ ต้องเข้าโปรแกรมใหม่เมื่อไหร่?
ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละท่าน และการใช้ชีวิตแต่หากต้องการดูแลความสะอาดอย่างต่อเนื่อง อาจเลือกทำเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งหรืออาจเป็นเดือนละ1-2 ครั้ง หรือนานกว่านั้นตามความสะดวก
45. ควรทำกี่ครั้งจึงจะแน่ใจว่าลำไส้สะอาดจริง ๆ?
ไม่มีทางที่ลำไส้จะสะอาด ปราศจากของเสีย ไม่ว่าจะทำกี่ครั้งเนื่องจากเรายังคงรับประทานอาหารตามปกติซึ่งมีกากอาหาร ที่ต้องเคลื่อนเข้าไปแทนที่ตลอดเวลาแต่การสวนล้างลำไส้ช่วยให้กากอาหารเก่าๆ ที่ถูกสะสมมาดั้งเดิมซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการไม่พึงประสงค์ถูกขับออกไป ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกรับประทานอาหารมากขึ้น
46. ถ้าไม่กลับมาทำ back to back ในวันรุ่งขึ้น สามารถยืดเวลาที่จะทำออกไปได้นานที่สุดเท่าไร?
สาเหตุที่แนะนำให้กลับมาทำในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากของเสีย ในลำไส้ซึ่งนุ่มขึ้นจากการทำครั้งแรกจะถูกขับออกมาได้ง่าย และมากขึ้นกว่าครั้งแรก หากไม่สามารถกลับมาได้แนะนำให้เลือกดื่มน้ำและทานผักผลไม้ให้มากขึ้นและกลับ มาทำซ้ำเร็วที่สุดเท่าที่จะมาได้
47. ถ้าไม่สามารถมาทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ได้ จะแนะนำอย่างไร เพื่อให้ยังคงได้ประสิทธิภาพ?
อย่างน้อยที่สุด ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 6 ถึง 10 ครั้งเป็น อย่างน้อยในช่วงแรกของการบำบัด
48. จะมั่นใจได้อย่างไรว่าอุณหภูมิของน้ำจะไม่เกินค่าที่ควรจะเป็น?
อุณหภูมิของน้ำจะมีเครื่องควบคุมอัตโนมัติให้อยู่ระหว่าง 36 ถึง 42 องศาโดยมีเครื่อง เซ็นเซอร์ซึ่งได้รับการดูแลตรวจสภาพจากวิศวกรตลอดเวลา
49. ในแต่ละครั้งที่ทำ จะสามารถทำความสะอาดได้ลึกแค่ไหน ใช้น้ำปริมาณเท่าไหร่?
โดยเฉลี่ยพบว่าการสวนล้างลำไส้ 1ครั้ง ในเวลา ประมาณ 45 นาทีสามารถทำความสะอาดได้ประมาณ ครึ่งฟุตหากมีการบำบัดอย่างต่อเนื่องจะสามารถทำความสะอาดได้ลึกยิ่งขึ้น ดังนั้นปริมาณการใช้น้ำในแต่ละครั้งจึงไม่ เท่ากัน ซึ่งอาจใช้น้ำตั้งแต่ประมาณ 5 แกลลอน จนถึง 10 แกลลอน
50. ทำแล้วจะทำให้เกิดอาการบวมน้ำหรือไม่?
ไม่ อาการบวมน้ำเป็นภาวะที่ร่าง กายกักเก็บน้ำในเซลล์ซึ่งสืบเนื่องมาจากการได้รับน้ำไม่เพียงพอหรือได้รับ ไม่สม่ำเสมอ การทานอาหารเค็ม การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนดึกหรือความบกพร่องของร่างกายเอง การสวนล้างลำไส้นอกจากไม่ทำให้เกิดการบวมน้ำแล้วร่างกายยังสามารถดูดซึมน้ำ ไปทดแทนทำให้เซลล์ชุ่มชื้นขึ้นสังเกตได้จากผู้ที่เข้าบำบัดจะมีผิวพรรณชุ่ม ชื้นขึ้น ดวงตาสดใส
51. ถ้าเป็น IBS สามารถทำได้หรือไม่ และจะหายหรือเปล่า?
สามารถทำได้ตามปกติ เนื่องจากมีส่วนช่วยให้การบีบตัวของลำไส้เป็นจังหวะมากขึ้นแต่เนื่องจากผู้ ที่มีปัญหา ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัยจึงไม่สามารถระบุได้ว่าทำแล้วจะหายหรือ ไม่
52. คนพิการสามารถทำได้หรือไม่ พิการแบบไหนบ้าง?
ใครก็ตามที่ยังสามารถขับถ่ายได้เองตามธรรมชาติแม้จะไม่สามารถ เดินได้ พิการแขนขา สามารถทำการสวน ล้างลำไส้ได้ตามปกติยกเว้นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่แพทย์ไม่อนุญาตให้ทำ
53. ทำบ่อย ๆ ลำไส้จะแตกไหม , จะเสียรูปทรงหรือเปล่า?
ไม่มีทางเป็นไปได้ การสวนล้างลำไส้โดยใช้น้ำบริสุทธิ์เป็นกระบวนการที่ใกล้เคียงกับการขับถ่าย ตามธรรมชาติมากที่สุดซึ่งทางศูนย์ใช้น้ำบริสุทธิ์ในเกรดเดียวกับน้ำล้างไต ไม่มีการเติมสารเคมี หรืออะไรก็ตามปน เปื้อนเข้าไปในน้ำซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในลำไส้ได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยฝึกลำไส้ให้มีการ บีบตัวดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
54. ทำแล้วจะติดเป็นนิสัย และไม่สามารถขับถ่ายได้เองหรือเปล่า?
การสวนล้างลำไส้ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการขับถ่ายให้ดีขึ้นอาจ มีช่วงแรกของการบำบัดเนื่องจากการสวนล้างแต่ละครั้งสามารถขับของเสียออกใน ปริมาณมากกว่าปกติหลายเท่าตัวจึงอาจส่งผลให้การเว้นวรรคการขับถ่ายปกติได้ แต่เมื่อร่างกายปรับตัวแล้วก็จะเข้าสู่ ภาวะปกติซึ่งไม่ได้มีผลให้ติดเป็นนิสัยแต่อย่างใด และหากดูแลเรื่องการรับประทานอาหารให้ดี ดื่มน้ำเพียงพอ จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ระบบขับถ่ายดียิ่งขึ้น
55. การทำ Detox ด้วยกาแฟช่วยอะไร ทำไมไม่ใช้กาแฟตั้งแต่ต้น ต่างจากการดื่มกาแฟอย่างไร?
มีการวิจัยว่ากาแฟมีผลช่วยดีท๊อกซ์บริเวณตับซึ่งการสวน กาแฟทางลำไส้ใหญ่สามารถดูดซึมตรงไปยังตับทันทีมีผลให้ตับปล่อยสารพิษสารเคมี ยา ฯลฯ แต่ทั้งนี้ลำไส้ควรผ่านการทำความสะอาดมาก่อน จึงจะได้ผลดีจนสามารถรับรู้ได้เช่น ร่างกายสดชื่น แข็งแรง มีพลังงานเพิ่มมากขึ้นนอนหลับดีขึ้น อาการต่างๆที่เคยมีลดลงซึ่งแตกต่างจากการดื่มกาแฟที่ผ่านระบบย่อยและดูดซึม หลักซึ่งตับจะเป็นส่วนสุดท้ายจึงไม่มีผลในการดีท๊อกซ์แต่อย่างใด
56. ทำแล้วจะติดเชื้อโรคหรือไม่
มาตรฐานในการทำความสะอาดทางศูนย์ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค คุณภาพสูงที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทุกชนิดแม้แต่เชื้อ HIV ไวรัสตับบี
57. หากมีเวลาน้อย ขอทำวันละ 2 รอบได้หรือไม่ เพราะบางที่ให้ทำวันละ 2 รอบได้?
ไม่แนะนำ การทำตามตามรางที่กำหนดประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นความถี่ที่เหมาะสมแต่หากจำเป็นจริงๆหรือมีเวลา จำกัด สามารถทำได้บ่อยกว่านี้เช่น 3 ครั้งต่อ สัปดาห์หรือ วันเว้นวัน ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดีและผ่านการพิจารณาจากแพทย์ประจำศูนย์แล้วเท่านั้น
58. ทำไมไม่จัดโปรแกรมอาหารให้ ระหว่างเข้าโปรแกรมสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ?
เพราะเน้นการทำความสะอาดของเก่าสะสมและ ต้องการให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่กระทบวิถีชีวิตปกติที่เป็นอยู่ซึ่งเรามีคำแนะนำการรับประทานอาหารที่ถูกต้องให้อยู่แล้วยัง ได้ผลถาวรกว่าการปรับพฤติกรรมโดยสิ้นเชิงในช่วงสั้นๆ
59. จำนวนครั้งและความถี่ที่แนะนำในการสวนล้างลำไส้ใหญ่?
สำหรับช่วงแรกของผู้ที่ไม่เคยทำมาก่อน แนะนำให้ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อเนื่องประมาณ 5-6 สัปดาห์หลังจากนั้นสามารถเลือกได้เองว่าจะทำอีกเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตและอาหารที่รับประทาน อย่างไรก็ตามจำนวนครั้งและความถี่ที่แนะนำเป็นหลักสากลที่ใช้ในศูนย์โคโลนิคทั่วโลกไม่ใช่ทางศูนย์เป็นผู้กำหนดขึ้น ซึ่งรับกับขนาด ความยาว รวมถึงระยะเวลาการสะสมของเสียที่ยาวนานหลายสิบปีในลำไส้ใหญ่
60. ของเสียที่ออกมาระหว่างการสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเป็นของเก่าหรือของใหม่ ดูอย่างไร ตอนไหน?
ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ แต่สามารถกล่าวรวมๆในลักษณะของของเสียที่ออกมา สีความหนาแน่นหรือการกระจายตัว และปริมาณซึ่งเจ้าหน้าที่จะสำรวจทุกครั้งที่เข้าไปตรวจเช็คสภาพโดยรวมในห้อง และลูกค้าสามารถสังเกตได้เองจากท่อใสซึ่งลูกค้าที่ผ่านการสวนล้างอย่างต่อ เนื่องจะเริ่มสังเกตได้เอง
61. เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำเข้าไปถึงส่วนลึกๆได้จริง?
สามารถทราบได้เองโดยอัตโนมัติหากมาทำอย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่ทำสม่ำเสมอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดใน ส่วนลึกขึ้นไปเรื่อยๆ และใช้น้ำมากขึ้นทุกครั้ง
62. ปริมาณน้ำที่เข้าไปต่อครั้งกี่ลิตร รวมๆ ต่อการทำ สวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ 1ครั้งใช้น้ำเท่าไร?
ไม่สามารถระบุได้แน่นอน แต่พบว่าใช้น้ำปริมาณมากขึ้นทุกครั้ง เฉลี่ยประมาณ 5–10 แกลลอนต่อครั้ง
63. ทำไมไม่ให้กลั้นน้ำ ในระหว่างการทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ?
ไม่มีความจำเป็นต้องกลั้นน้ำ เนื่องจากเป็นระบบเปิดซึ่งน้ำจะไหลเข้าตลอดเวลาและน้ำจะเข้าไปลึกขึ้นอยู่ แล้ว หากกลั้นน้ำอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องหรือเกิดอาการคลื่นไส้ และอาจเบ่งถ่ายยากกว่าปกติ
64. ทำไมหลังจากทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษแล้วไม่ถ่ายประมาณ2-3วัน?
เป็นไปได้ในช่วงแรกเพราะการสวนล้างแต่ละครั้งสามารถขับของเสียออกได้มากกว่าปกติ หลายเท่าตัวจึงอาจต้องรอให้มีการสะสมมวลอุจจาระใหม่จนเติมก่อนช่วงเวลาที่ เข้ารับการบำบัดก็มีส่วน เช่น การทำในช่วงบ่ายหรือเย็นจะมีผลมากว่าในช่วงเช้า แต่ ส่วนมากไม่ค่อยมีผลกระทบแต่อย่างใด
65. ทำไมต้องให้ท้องว่างก่อนทำการสวนล้างลำใส้?
เพราะระหว่างการบำบัด ต้องส่งน้ำเข้าในลำไส้ในปริมาณค่อนข้างมากบวกกับของเสียที่รับน้ำจะพองตัวทำ ให้ลำไส้ขยายขนาดขึ้นหากยังมีอาหารในกระเพาะจะทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ อาเจียร จุกแน่นท้องและจะทำให้รู้สึกไม่ดีกับการทำทรีทเมนท์ไปเลย
66. ปกติแพ้กาแฟ การสวนด้วยการแฟ จะมีผลบีบหัวใจ หรือนอนไม่หลับหรือไม่?
ไม่เพราะต่างจากการดื่มเนื่องจากการสวนกาแฟทางทวารผ่านลำไส้จะ ไม่ผ่านระบบดูดซึมเหมือนการดื่มแต่จะดูดซึมผ่านผนังลำไส้ใหญ่ตรงไปยังตับ เพื่อส่งผลให้ตับดีท๊อกซ์
67. เคยเป็นริดสีดวงทวารแต่ผ่าตัดแล้วทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษได้หรือไม่?
ได้ เพราะท่อที่จะ สอดเข้าทางทวารมีขนาดเล็กมากและเคลือบสารหล่อลื่นพิเศษจะไม่ระคายเคืองหรือ ทำให้เจ็บแต่อย่างใด
68. เป็นความดันสูงแต่ทานยาควบคุมตลอดสามารถทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษได้หรือไม่?
68. เป็นความดันสูงแต่ทานยาควบคุมตลอดสามารถทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษได้หรือไม่?
69. ทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษบ่อยที่สุดได้แค่ไหน ในกรณีที่มีเวลาจำกัด?
ขึ้นอยู่กับว่ามีเวาลากี่วัน และสุขภาพแข็งแรงขนาดไหน แต่หากจำเป็นจริง ๆ สามารถทำได้วันละ ครั้ง ต่อเนื่อง 3-5 วัน และควรพัก 1-2 วัน จึงทำต่อ
70. ระหว่างทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษหากไม่ต้องการให้มีคนเข้ามาในห้องจะได้หรือไม่?
ตามปกติเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าไปทุก10 นาที เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยอุณหภูมิน้ำ อาการโดยรวม การขับของเสียของลูกค้า แต่หากต้องการ ความเป็นส่วนตัวจริงๆ อาจลดจำนวนครั้ง ของการเข้าเยี่ยมได้
71. เปรียบเทียบระบบเปิดกับระบบปิดที่มีการใช้เครื่องดูดของเสียออก?
ระบบเปิด เป็นระบบเดียวกับการขับถ่ายเองแตก ต่างเพียงการอยู่ในท่านอนและมีน้ำไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่องซึ่งลูกค้าต้อง เบ่งถ่ายด้วยตัวเองจึงเป็นระบบที่ช่วยฝึกฝนให้ลำไส้ทำงานตามธรรมชาติส่วน ระบบปิดเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถเบ่งถ่ายด้วยตนเองได้
72. การสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษที่ไฮโดรเฮลท์ดีอย่างไร?
HydroHealth เป็นคลินิกเฉพาะทางแห่งเดียวในเมืองไทยที่ เปิดบริการสวนล้างลำไส้เป็นงานหลักและเป็นศูนย์เดียวที่ใช้น้ำที่ผ่านกระบวน การกรองด้วยระบบ reverse osmosis ทำให้ได้คุณภาพ เดียวกับน้ำฟอกไตจึงมีความเป็นมืออาชีพและมีมาตรฐานความสะอาดที่สูงมากและ ยังเป็นศูนย์ดีทอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสาขาที่ 3 จากประเทศฮ่องกงซึ่งมี 2 สาขา อุปกรณ์ที่ใช้นำเข้าและผ่านองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา และยังตลอดจนการบริการระดับ 5 ดาว ทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายใจกลางเมืองซึ่งการจะเลือกบำบัดที่ใดนั้นขึ้นอยู่ กับดุลพินิจของแต่ละบุคคล
73. ทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษแล้วร่างกายจะเสียเกลือแร่ และเสียความสมดุลของแบคทีเรียในลำใส้หรือไม่?
อาจเป็นไปแต่หลังเสร็จสิ้นการทำทรีทเมนท์ทุกครั้งเราจะเส ริฟแบคทีเรียชนิดดีที่เรียกว่า PROBIO และ CELLFOOD เพื่อทดแทนเกลือแร่และแบคทีเรียที่อาจสูญเสียไป
74. ทำ Liver Flush แล้วช่วยอะไรได้บ้าง ดียังไง?
การทำ Liver flush เป็นกระบวนการ ทำความสะอาดที่บริเวณตับ และท่อน้ำดีช่วยให้ตับหลั่งน้ำดีอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีขอกจากนี้ยังส่งผลให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรง ขึ้น
75. เป็นไปได้หรือไม่ที่ทุกคนจะมี Gall Stones แล้วทำไมจึงมี?
นิ่วในถุงน้ำดี Gallstone เกิดจาก น้ำดีที่ตกตะกอนและเมื่อตกตะกอนเป็นเวลานานจะมีแคลเซี่ยมไปเกาะ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคนเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะเกิดการระคายเคืองและอักเสบ และต้องทำการผ่าตัดอาจส่องกล้องเพื่อคีบก้อนนิ่วออก หรือผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งไปเลย
76. ถ้าไม่เข้าโปรแกรมสวนล้างลำไส้ใหญ่ 12 ครั้ง แต่จะมาทำแค่ครั้งเดียว หรือ ปีละ 1 ถึง 2 ครั้ง ได้หรือไม่?
การจะเข้าหรือไม่เข้าโปรแกรม ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกได้เองตามความสมัครใจ อย่างไรก็ตามคำแนะนำเรื่องการทำต่อเนื่องเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรับบริการ แค่เพียงมีความคิดว่าจะดูแลสุขภาพจะ 1 หรือ 2 ครั้งก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้เริ่มต้นเลย
77. ทำไมแพทย์แผนปัจจุบันหลายท่านไม่สนับสนุนให้ทำ Colonic?
อาจเป็นเรื่องของทัศนคติและความเข้าใจเพราะแพทย์แผนปัจจุบันหลายท่านสนับสนุนและใช้บริการเองหรือบางท่านก็เปิดศูนย์บริการสวน ล้างลำไส้ใหญ่เองก็มี COLONIC ถือเป็นการแพทย์ทางเลือก ซึ่งเลือกที่จะทำหรือไม่ก็ได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดการเจ็บป่วยก่อน ถือเป็นการดูแลรักษาร่างกายไม่ให้ทรุดโทรมลดความเสียงของการเกิดโรคภัยไข้ เจ็บต่างๆ
78. จะมั่นใจในความสะอาดของเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ และการทำความสะอาดของไฮโดรเฮลท์ได้อย่างไร?
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆได้รับการยอมรับและผ่านการ พิจารณาจากองค์การอาหารและยาของทั้งประเทศสหรัฐ และไทย อุปกรณ์เช่นท่อสวน sterile และใช้ครั้งเดียวนอกจากนี้เรามีมาตรฐานการทำความ สะอาดในระดับHospital grade
79. ไฮโดรเฮลท์เปิดมากี่ปีแล้ว มีกี่สาขา?
ศูนย์ในเมืองไทยเปิดให้บริการมา 6 ปี เป็นสาขาที่ 3 ต่อจากที่ประเทศฮ่องกงที่มี 2 สาขา
80. จะมีอาการระหว่างการทำสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ อย่างไร?
ทั่วไปจะมีอาการปวดท้องเหมือนกับอาการปวดท้องอยากถ่ายปกติ แต่ในผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรังอาจมี ปวดท้องเกร็งและอาการคลื่นไส้ร่วมด้วยซึ่งระดับอาการจะแตกต่างกันไป
81. เป็นอัลไซเมอร์ ,พากินสัน อัมพฤกษ์ สามารถทำอะไรได้บ้าง?
แพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆไป เนื่องจากความรุนแรงของโรคแต่ละโรคต่างกันนอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ เกี่ยวข้องเช่น อายุ โรคประจำตัวอื่นๆการดูแลรักษาร่างกาย
82. ยังไม่เคยล้างพิษเลย ควรจะเริ่มต้นด้วยการทำอะไร?
แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการทำทรีทเมนท์ที่สนใจก่อน หรือ ทำล้างพิษครบวงจร (Fully Detox Program) โดยใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง ทั้งนี้ ร่างกายจะสามารถได้ประโยชน์สูงสุดและตอบรับการทรีทเมนท์ได้เป็นอย่างดี
83. หลังการคลอดบุตรธรรมชาติ นานแค่ไหนจึงทำทรีทเมนท์ได้ อะไรบ้าง?
หลังคลอดปกติประมาณ 3 เดือน สามารถทำทรีทเมนท์ได้ตามปกติทั้ง 3 รายการ ยกเว้นคุณแม่ที่มีความผิดปกติหลังคลอด แพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆไป
84. หากเป็นการผ่าคลอด ต้องรอนานแค่ไหน ทำอะไรได้?
หากต้องการทำ Colonic ควรรออย่าง น้อย 6 เดือน หากเป็นการเข้า sauna สามารถทำได้หลังคลอดประมาณ 1.5 เดือน เป็นต้นไป ถ้าต้องการนวด ควรรออย่างน้อย 3 เดือน
85. เลือกทำ colonic + infrared sauna ควรทำอะไร ก่อน หลัง มีประโยชน์อย่างไร?
ถ้าเน้นเรื่องผลที่จะได้รับที่ดีกว่า ให้เริ่มจากการเข้า Infrared Sauna เพื่อกระตุ้นการหมุน เวียนของเลือด และช่วยขับของเสีย แล้วจึงต่อด้วยการทำ colonic แต่สามารถเลือกสลับได้เพื่อความสะดวกสบาย
86. หลังการทำการสวนล้างลำไส้แล้วจะไม่สบาย จริงหรือไม่?
อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ท้องผูกใช้ยาบางอย่างเป็นประจำทานเนื้อสัตว์มากๆเพราะกลุ่มบุคคลเหล่านี้มัก มีสารพิษมากกว่าคนอื่นๆการดีท๊อกซ์จึงอาจส่งผลให้เกิดอาการบางอย่างเช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ท้องอืดเนื่องจากร่างกายคุ้นเคยกับปริมาณสารพิษดังกล่าวเมื่อมีการลดระดับ ของสารพิษทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันจึงแสดงอาการดังกล่าวซึ่งจะค่อยๆดีขึ้น และหายไปเอง
87. probio คืออะไร ประโยชน์ วิธีรับประทาน การเก็บรักษาอย่างไร?
คือแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่สร้างวิตามินให้ร่างกายช่วยทำความสะอาดลำไส้ กำจัดเชื้อโรค ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายช่วย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย
88. ถ้าไม่กิน Probio หลังทำ สวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ จะมีผลเสียอย่างไร สามารถกินอย่างอื่นแทนได้หรือไม่?
การรับประทาน Probio หลังทำการสวน ล้างลำไส้จะช่วยชดเชยส่วนที่อาจถูกชะล้างออกไปได้ทันที และสามารถเพิ่มปริมาณได้เร็วขึ้นเนื่องจากสิ่งแวดล้อมในลำไส้ดีขึ้น หากไม่รับประทานสามารถชดเชยได้ด้วยโยเกิรต์ หรือยาคูลท์แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ดีเท่าเนื่องจากprobioถูกออกแบบให้ไปแตกตัวที่ลำไส้โดยตรง
89. Cell food คืออะไร ประโยชน์ และวิธีรับประทาน และการเก็บรักษาอย่างไร?
Cell Food คืออาหารที่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ ประกอบไปด้วยออกซิเจน อิเล็กโตรไลท์แร่ธาตุไอโอนิค 78 ชนิด เอ็นไซม์ 34 ชนิด และกรดอะมิโน 17 ชนิด Cell food เป็นแหล่งออกซิเจนที่สามารถดูดซึมไปยังเซลล์ในร่างกายได้ช่วยทำ ความสะอาดและปรับระบบต่างๆ ในร่างกายให้สมดุลนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยคืนความสมดุลให้กับระบบเผาผลาญอาหารช่วยลำลียงสารอาหารให้กับร่างกายใน รูปไอโอนิค ช่วยให้ผิวพรรณสดใส การรับประทาน – 6-8 หยด ต่อน้ำบริสุทธ์หรือน้ำผลไม้ 250 มล. (1แก้ว) รับประทานได้ 3-5 ครั้งต่อวัน
90. ทำไมไม่ใส่กาแฟตั้งแต่ครั้งแรกสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษ
การใส่กาแฟมีจุดประสงค์เพื่อให้ถูกดูดซึมจากผนังลำไส้ เพื่อดีท๊อกซ์ที่ตับและหลอดเลือดที่เชื่อมต่อ ดังนั้นผนังลำไส้ควรผ่านการทำความสะอาดอย่างเพียงพอก่อนอย่างน้อย 4 ถึง 5 ครั้งจึงเริ่มใส่กาแฟจึงจะได้ผล เต็มที่
91. ทานอาหารมาแต่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงทำ สวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อล้างพิษได้หรือไม่?
สามารถทำได้ถ้าเกิน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณและประเภทของอาหารย่อยง่ายหรือยาก
92. ความแตกต่างระหว่างซาวน่าธรรมดา กับ อินฟราเรดซาวน่า คืออะไร?
อินฟราเรดซาวน่าเป็นซาวน่าชนิดอุ่นเป็นความร้อนที่จะเกิด จากภายในคืออุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น และของเสียและสารพิษจะถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อซึ่งมีค่า เฉลี่ยถึง 20 % ทั้งยังสะดวกสบายกว่าในทุกๆด้าน ไม่มีข้อเสียต่างจากซาวน่าร้อนปกติซึ่งต้องทำให้อากาศและอุณหภูมิในตู้สูง ขึ้นถึง 65 องศาทำให้อึดอัด ร่างกายเสียน้ำ และผิวแห้งและผลที่ได้คือสารพิษที่ออกมากับเหงื่อมีปริมาณเพียง 3 % และทำให้เกิดภาวะร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป อาจช็อคหรือหมดสติได้
93. ถ้าเป็นกรณี colonic + detox massage จะแนะนำอย่างไร หรือ Infrared sauna+ detox massage แนะนำอย่างไร?
ถ้ามุ่งผลในการดีทอกซ์แนะนำ ให้นวดกระตุ้นก่อนทำ Colonic แต่ลูกค้าสามารถเลือกสลับได้เพื่อความสะดวกสบาย
94. ทำเลสิก เลเซอร์ เสริมจมูก เสริมหน้าอก ใส่เหล็กดัดฟัน ใส่คอนแทคเลนส์ ดามเหล็ก มีแผล ทำอินฟราเรดซาวน่าได้หรือไม่?
ทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถเข้าอินฟราเรดซาวน่าได้ตามปกติโดยไม่ส่ง ผลกระทบใดๆไม่ทำให้ซิลิโคนผิดรูป และไม่ทำให้คอนแทคเลนส์เสียหาย ส่วนโลหะส่วนใหญ่ที่ใส่ในร่างกายมักเป็น ฉนวนกันความร้อน-เย็นอยู่แล้วสำหรับผู้ที่มีบาดแผลหากเป็นแผลสดยังไม่อนุญาต ให้ทำควรรอจนแผลเริ่มแห้งก่อนแต่หากเป็นลักษณะแผลเปื่อย น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ การเข้าอบจะช่วยฆ่าเชื่อโรคและทำให้แผลแห้งเร็ว แต่ต้องระวังเรื่องการอาบน้ำ
95. ทำอินฟราเรดซาวน่าแล้วมีผลต่อผิวอย่างไร เป็นฝ้า หรือ กระ หรือไม่
อินฟราเรดซาวน่าช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตให้สูบฉีดดี ขึ้น ทั่วถึงขึ้นทำให้เลือดพาสารอาหาร ออกซิเจน ไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้ทั่วร่างกายช่วยร่างกายขับของเสีย เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ให้หลุดออกมาเนื่องจากคลื่นฟาร์อินฟราเรด ไม่มีส่วนของ UV ใดๆจึงไม่ทำให้เกิดปัญหาที่เม็ดสี ผิวแต่อย่างใด
96. ทำ Infrared sauna ได้บ่อยแค่ไหน มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
ความถี่ของการเข้าอินฟราเรดซาวน่า สามารถเข้าได้วันละ 1 ครั้งซึ่งจะช่วยลดระดับคลอเลสตอรอลในเลือด ลดความดันเลือด ผิวพรรณสะอาดสดใสนอนหลับดีขึ้น ลดอาการไมเกรน หรือปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ส่วนข้อจำกัดของการเข้าซาวน่า คือผู้ที่มีโรคหัวใจ บายพาส ทำบอลลูนใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ความดันสูง ลมชัก แผลเปิด
97. อินฟราเรดซาวน่าช่วยลดน้ำหนัก หรือลดเซลลูไลท์ได้หรือไม่?
การเข้าอบซาวน่าแบบฟาอินฟราเรด ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น ขับน้ำส่วนเกินและเผาผลาญพลังงานครั้งละ 600 ถึง 900 แคลอรี่ จึงมีส่วนช่วยในการใช้พลังงานสะสมแต่หากต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักแนะนำให้ ควบคุมการรับประทานอาหารและเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง
98. ประโยชน์หลักๆ ของการทำอินฟราเรดซาวน่า คืออะไรบ้าง?
ลดสารพิษจากระบบเลือด ทั้งคลอเลสโตรอล โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง น้ำส่วนเกินและเซลล์ที่ตายแล้วโดยขับออกมาทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ เพิ่มการหมุนเวียนเลือดทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจน และสารอาหารอย่างทั่วถึง จึงช่วยลดความดันโลหิตช่วยคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะลดความเครียด ฆ่าเชื้อโรคผิวพรรณสะอาดสดใส ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 600 ถึง 900 แคลอรี่
99. จำเป็นต้องอาบน้ำก่อนเข้าอินฟราเรดซาวน่าหรือไม่?
จะอาบหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าไม่สบายตัวต้องการอาบน้ำก่อนเข้าจำเป็นต้องเช็ดร่างกายให้แห้งสนิท ก่อนเข้าอินฟราเรดซาวน่าเพราะหากหยดน้ำกระเด็นโดนหลอดไฟจะทำให้เกิดความเสียหายได้
100. เวลาที่เหมาะสมในการเข้าอินฟราเรดซาวน่า แล้วได้ผลดีที่สุด เพราะอะไร?
สามารถเข้ารับบริการเวลาใดก็ได้ที่สะดวก แต่เวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเย็นประมาณ 4 โมงถึง 6โมงเย็นเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไต และ กระเพาะปัสสาวะทำงานจึงช่วยในการขับของเสียในรูปของเหลวได้ดีที่สุดและยัง ช่วยให้นอนหลับสบายหลังจากเข้าอินฟราเรดซาวน่าอีกด้วย
101. ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเล่นเกมส์ในตู้ได้หรือไม่?
ความสะดวกสบายของการเข้าอินฟราเรดซาวน่าแบบนี้คือไม่ต้องวิ่ง เข้าออกสามารถใช้โทรศัพท์ได้ ฟังเพลงได้ เล่นเกมส์ได้
102. ทราบได้อย่างไรว่าเหงื่อที่ออกมีสารพิษเจือปนมากน้อยแค่ไหน?
เป็นข้อมูลจากผู้ผลิตที่มีผลวิจัยว่า 20 % ของเหงื่อที่ออกมาเป็นสารพิษและของเสีย
103. เวลาในการใช้ห้องอินฟราเรดซาวน่าแต่ละครั้ง กี่นาที?
ตามปกติควรใช้เวลาอยู่ในตู้อินฟราเรดซาวน่าอย่างน้อย 25 นาที แต่ไม่ควรเกิน 40 นาทีต่อครั้ง
104. ถ้าเผาผลาญแคลอรี่ได้สูง สามารถทดแทนการออกกำลังกายได้ไหม?
พลังงานที่ถูกใช้ไปจากการเข้าอินฟราเรดซาวน่า ไม่ถือว่าเป็นการทดแทนการออกกำลังกายได้ เพราะไม่ใช่การบริการให้กล้ามเนื้อแข็งแรงแต่มีส่วนในการลดการสะสมพลังงานส่วนเกินได้
105. อุณหภูมิในห้องอินฟราเรดซาวน่ากี่องศา?
อุณหภูมิในตู้จะถูกจำกัดไม่ให้เกิน 45 องศา แต่ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 40-42 องศา
106. infrared Sauna เป็นของประเทศอะไร อย.รับรองหรือไม่?
เทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น ได้รับการรับรองจาก อย.เรียบร้อยแล้ว
107. ถ้าทำอินฟราเรดซาวน่าต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะมีการสะสมหรือไม่ และมีผลข้างเคียง หลังทำอย่างไร?
คลื่นฟาร์อินฟราเรด เป็นช่วงหนึ่งของแสงอาทิตย์ที่ส่งลงมาบนพื้นโลก มีประโยชน์ในการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย อินฟราเรดซาวน่าเป็นการจำลองช่วงคลื่นดังกล่าวผ่านหลอดเซรามิกโดยไม่มีคลื่น ยูวีหรือคลื่นช่วงอื่นๆที่มีโทษต่อร่างกาย หลักการทำงานเพียงทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นระหว่างการเข้าอบ หลังจากนั้นอุณหภูมิร่างกายจะปรับสู่สภาพ ปกติ
108. วิธีการนวดDetoxเป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร ต้องมาบ่อยแค่ไหน?
เป็นวิธีการนวดโดยใช้เทคนิคที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะของ HydroHealth ซึ่ง เป็นการผสมผสานระหว่างการนวดกระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองที่ช่วยให้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์และผสมการนวดแบบ Swedish ที่เน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและการนวดแบบ aroma ที่เป็นการใช้กลิ่นเพื่อช่วยบำบัดให้เกิดความผ่อน คลายโดยใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณในการช่วยช่วยดีทอกซ์ การนวด detoxifying massage นี้จะ ช่วยให้คุณได้รับทั้งความผ่อนคลายหายจากความเหนื่อยเมื่อยล้าและช่วยให้ผิว พรรณเรียบเนียนพร้อมทั้งคืนกลับภูมิคุ้มคุ้มกันที่ทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพแก่คุณ
109. ใช้น้ำมันอะไรในการนวด ถ้านวด Detox โดยไม่ใช้น้ำมันได้หรือไม่ ในกรณีที่ผิวแพ้ง่าย?
แนะนำให้นวดด้วยน้ำมันเพราะHH ใช้ น้ำมันพิเศษสำหรับการนวดลิมพาติก ผสมด้วย Grape fruit, Bergamot,Geranium และThyme มี กลิ่นหอมนุ่มนวลและมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการเครียดและอาการอ่อนล้าแก้ อาการซึมเศร้า ลดความวิตกกังวล ลดอาการหดหู่ ช่วยผ่อนคลาย กระตุ้นพลัง โดยเฉพาะ Geranium จะเป็นตัวช่วยขับสารพิษได้ดีและ ยังช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกายทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลายและนอนหลับได้ดี ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ100% เหมาะแก่ผู้ที่มี ผิวแพ้ง่าย
111. มีข้อจำกัดอะไรบ้างในการนวด Detox นวดแล้วมีผลข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร?
แนะนำให้นวดด้วยน้ำมันเพราะ HH ใช้ น้ำมันพิเศษสำหรับการนวดลิมพาติก ผสมด้วย Grape fruit, Bergamot,Geranium และ Thyme มี กลิ่นหอมนุ่มนวลและมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการเครียดและอาการอ่อนล้าแก้ อาการซึมเศร้า ลดความวิตกกังวล ลดอาการหดหู่ ช่วยผ่อนคลาย กระตุ้นพลัง โดยเฉพาะ Geranium จะเป็นตัวช่วยขับสารพิษได้ดีและ ยังช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกายทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลายและนอนหลับได้ดี ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เหมาะแก่ผู้ที่มี ผิวแพ้ง่าย
112. สารพิษจะถูกขับออกมาทางส่วนใดของร่างกาย?
การนวด Detox เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองจะช่วยให้มีการหมุนเวียนของเสียไปทิ้งกับปัสสาวะและเหงื่อ
113. สามารถนวด Detox อย่างเดียวได้หรือไม่ เพราะไม่อยากทำ colonic?
หากต้องการลดสารพิษโดยไม่สวนล้างลำไส้ แนะนำให้เข้าอินฟราเรดซาวน่าแล้วจึงนวดเพื่อให้ได้ประโยชน์มากขึ้น สามารถขับของเสียออกได้ถึง 2 ทาง คือทางเหงื่อ และปัสสาวะ
114. ถ้าจะทำล้างพิษทุกรายการเลย ควรทำเวลาใด บ่อยแค่ไหน?
เวลาใดก็ได้ ความถี่ 2 ครั้งต่อ สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ถ้าเลือกเวลาได้แนะนำให้ทำช่วงบ่ายหรือ เย็นไม่เกิน 4.00 น.เพราะ จะช่วยให้การนอนหลับในวันดังกล่าวมีคุณภาพ ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าจะรู้สึกถึงความสดชื่น มีพลังงานมากขึ้น
115. การรักษาทางกายภาพบำบัดของ Hydrohealth คืออะไร?
การรักษาทางกายภาพบำบัดของ Hydrohealth เป็นการปรับสมดุลของกล้ามเนื้อในผู้ที่มีปัญหาด้านต่างๆเกี่ยวกับระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดอาการปวด ตึง ปรับสมดุลของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้นเพื่อปรับแก้ท่าทางที่ผิดปกติหรือช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดท่าทางที่ผิดปกติ อันอาจนำไปสู่การผิดรูปของโครงสร้างหลัก ทำให้สูญเสียบุคลิกภาพที่ดีได้
116. การรักษาทางกายภาพบำบัดของ Hydrohealth ทำอะไรบ้าง?
การรักษาทางกายภาพบำบัดของ Hydrohealth จะมีการตรวจประเมิน ที่เรียกว่า Physical Assessment/Physical Analysis เพื่อหาปัญหาและสาเหตุของความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นการตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด เพื่อวางแผนการรักษา โดยมีการรักษาทั้ง การนวดทางกายภาพบำบัด, อัลตราซาวด์, การกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยกระแสความถี่ต่ำ รวมถึงให้คำแนะนำ ดูแลในแบบเฉพาะบุคคล ด้วย
117.การรักษาทางกายภาพบำบัดที่ Hydrohealth แตกต่างจากการรักษาในโรงพยาบาลอย่างไร?
การรักษาทางกายภาพบำบัดของ Hydrohealth จะเน้นการส่งเสริม, รักษา, ฟื้นฟูการปรับสมดุลของกล้ามเนื้อเพื่อแก้ปัญหาอาการปวด ตึงของกล้ามเนื้อในเบื้องต้น และสร้างสมดุลกล้ามเนื้อที่จะส่งผลต่อท่าทางและโครงสร้างในระยะยาวโดยใช้ทั้ง การนวดบำบัดด้วยมือ และการใช้เครื่องมืออย่างเหมาะสม การตรวจประเมินสามารถตรวจพบปัญหาซ่อนเร้นของกล้ามเนื้อและโครงสร้างที่ผิดปกติแม้ยังไม่แสดงอาการปวดให้รู้สึก ซึ่งทำให้การบำบัดเพื่อป้องกันความเสื่อมทำได้ง่ายและใช้เวลาน้อยกว่า รวมถึงยังได้รับการรักษาในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว